หูเป็นอวัยวะที่สำคัญอย่างหนึ่งของร่างกาย ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่หากมีการปล่อยให้หูมีปัญหาไม่รีบหาทางรักษาแล้วละก็ผลกระทบที่จะตามมาอาจถึงขึ้นหูหนวกได้
สำหรับผู้ใหญ่การหูหนวกเทียบเท่ากับการเป็นคนพิการคนหนึ่ง
แต่ยิ่งเกิดกับเด็กเล็กหรือทารกแล้วละก็มีผลมากกว่านั้นเพราะหูสำหรับเด็กเล็กหรือทารก มีส่วนสำคัญอย่างมากในการพัฒนาการด้านการเจริญเติบโต การเรียนรู้สิ่งต่างๆ ด้านสมอง สติปัญญา ที่สำคัญเรามักจะพบว่าหากเด็กไม่ได้ยินตั้งแต่เกิด
สิ่งที่ตามมานั่นคือเด็กคนนั้นมักจะเป็นใบ้ด้วยเสมอ นั่นก็เพราะว่าเด็กไม่ได้ยินเสียงที่เราพูด จึงทำให้เขาไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเราต้องการสื่อสารกับเขาเรื่องอะไร เขาจึงไม่สามารถตอบสนองกลับเราได้
ช่วงที่สมองของเด็กมีพัฒนาการมากที่สุดนั้นคือช่วงอายุ 3-5 ปี ช่วงนี้เป็นช่วงที่เด็กมีการเรียนรู้ในทุกๆด้าน
และสมองจะมีการพัฒนาในช่วงวัยนี้อย่างเต็มที่ เมื่อเด็กที่ไม่ได้ยินเสียงตั้งแต่เกิดสมองส่วนการรับรู้ก็จะไม่ได้รับการพัฒนา ถึงแม้ว่าภายหลังเมื่อโตขึ้นเราจะมีการมาแก้ไขก็อาจจะช่วยไม่ได้มากนัก
เพราะบางครั้งเราจะพบว่าเด็กที่ได้ยินเสียงในภายหลัง แต่เด็กก็จะพัฒนาเรื่องของการพูดได้ช้าหรืออาจะไม่ยอมพัฒนาเลย ดังนั้นการสังเกตอาการของเด็กว่ามีความผิดปกติอะไรแล้วบ้างและหากพบตั้งแต่เริ่มแรกจะช่วยให้เราสามารถช่วยเหลือเด็กๆได้ทันท่วงที
เราสามารถสังเกตลูกน้อยในการใช้ในชีวิตประจำวันของเขาได้ว่า เขามีปัญหาเกี่ยวกับหูหรือไม่ ด้วยการสังเกตเวลาเขาดูทีวี ว่าเขาดูรู้เรื่องหรือไม่ เปิดทีวีเสียงดังมากเกินไปหรือเปล่าและเวลาที่เขาคุยกับเรา เขาได้ยินเสียงเรามากน้อยแค่ไหน
เราต้องพยายามพุดเสียงดังๆกับเขาหรือไม่ สังเกตใบหูมีอาการบวมแดง หรือมีน้ำไหลออกมาจากหูหรือหูมีกลิ่นเหม็นหรือไม่ หากพบอาการดังต่อไปนี้ควรรีบพาบุตรหลานของท่านไปพบแพทย์ทันที
สิ่งที่ทำให้หูของเด็กทารกมีปัญหาคือ
1.ขณะที่ตั้งครรภ์แม่เป็นโรค อาจได้รับการฉายรังสีซึ่งมีผลกระทบต่อระบบประสาทของหู
2.หรืออาจคลอดมาแล้วเด็กได้รับเชื้อไวรัสซึ่งเชื้อลามเข้าไปทำลายอวัยวะภายในหู
3.แก้วหูได้รับการกระทบกระเทือนหรือฉีกขาดเพราะเด็กมักจะชอบเอาอะไรแหย่เข้าไปในหู
ซึ่งนี่เป็นแค่เพียงปัญหาส่วนน้อยที่จะมีผลกระทบกับการได้ยินเสียงของเด็ก อันที่จริงยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่จะทำให้หูของเด็กมีปัญหาดังนั้น เราควรคอยระมัดระวังอันตราที่อาจจะเกิดขึ้นจากความไม่ได้ตั้งใจของเด็ก
สำหรับพัฒนาการ การได้ยินของเด็ก จะเริ่มตั้งแต่แรกเกิดถึงหนึ่งเดือน หากได้ยินเสียงเด็กจะมีอาการขยับตัวหรือห้องไห้ และเมื่ออายุถึงสี่เดือนก็จะเริ่มหาที่มาของเสียงด้วยการมองตามเสียง
ต่อมาเมื่ออายุถึงแปดเดือนทารกจะเริ่มเรียนรู้ที่จะรู้ว่าตัวเองชื่ออะไร
อายุครบเก้าเดือนจะเริ่มเข้าใจความหมายของคำพูดมากขึ้น เช่น ไม่เอา อย่า หรือบางคนสามารถเลียนเสียงคำพูดได้แล้ว เช่น พ่อ แม่ และเมื่ออายุครบสิบแปดเดือนจะสามารถเข้าใจคำสั่งและทำตามคำสั่งได้ จนถึงอายุ สองถึงสามขวบจะสามารถพุดเป็นประโยคได้มากขึ้น
และถ้าครบห้าขวบสามารถสื่อสารรู้เรื่องและสามารถเล่าเรื่องราวให้เราฟังได้
หากเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยินเราต้องพาเขาไปพบแพทย์โดยด่วนเพื่อทำการรักษาให้ทันเวลา หากปล่อยปะละเลยเด็กอาจจะมีอาการขั้นรุ่นแรงหรือทำให้เกิดการหูหนวกได้ ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายอย่างหนักเพราะเด็กจะไม่ได้ยิน นอกจากจะใช้ เครื่องช่วยฟัง ซึ่งนั้นก็คงไม่เป็นที่ชื่นชอบกับเด็กสักเท่าไหร่