คลังเก็บหมวดหมู่: สุขภาพเกี่ยวกับหู

อาการปวดหู

คุณเคยอยู่ดีแล้วๆแล้วรู้สึกปวดหูขึ้นมาเฉยๆไหม

แล้วไม่นานก็หายไปเอง สำหรับอาการปวดหูนั้นจะมีความรู้สึกเจ็บข้างในหู บางคนอาจเจ็บหูข้างเดียวหรือบางคนเจ็บทั้งสองข้างก็มี ขึ้นอยู่กับว่าสาเหตุที่ทำให้เราปวดหูมาจากอะไร โดยปกติแล้วอาการปวดหูมักจะมาพร้อมกันอาการอื่นเสมอ เช่น เมื่อเราปวดหูแล้วมักจะได้ยินเสียงหวี่ๆข้างในหู

และอาจมีน้ำไหลออกมาจากรูหู หรือบางทีก็ทำให้เราได้ยินเสียงไม่ค่อยชัดมากนัก ซึ่งถ้าเด็กเล็กๆมีอาการปวดหูจะสังเกตได้จาก เด็กมักจะร้องไห้งอแง และชอบเอามือปัดที่หูตลอดเวลา อาจะมีอาการตัวร้อนเป็นไข้ และไม่ค่อยกินนม สำหรับการปวดหูนั้นหากพบว่ามีการปวดและเกินหนึ่งหรือสองวันแล้วยังไม่ดีขึ้นควรรีบไปพบแพทย์

แต่หากเป็นเด็กเล็กหรือทารกนั้นก็รู้สึกว่าลูกมีอาการผิดปกติที่หูควรพาไปพบแพทย์ทันทีไม่ต้องรอ เพราะอวัยวะภายในของเด็กยังไม่แข็งแรง และมีภูมิคุ้มกันเชื้อโรคมากพอ ดังนั้นการพาไปให้แพทย์ตรวจรักษาจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด 

สำหรับสาเหตุที่ทำให้ปวดหูนั้นอาจเกิดขึ้นได้ทั้งมาจาการที่เรามีปัญหาเกี่ยวกับหู หรือบางครั้งเรามีอาการอื่นที่ไม่เกี่ยวกับหูแต่ก็สามารถมีผลกระทบมาถึงหูได้ด้วยเช่นกัน เช่น 

  1. สาเหตุที่มาจากหู คือ หูมีการติดเชื้อหรืออักเสบ ไม่ว่าจะเกิดจากหูชั้นนอก ชั้นกลางหรือชั้นในมีผลทำให้เราปวดหูได้ทั้งหมด หรือการที่เราเกิดอุบัติเหตุแล้วมากระแทกบริเวณหู การเอาอะไรแหย่เข้าไปในหูทำให้หูด้านในได้รับบาดเจ็บ การมีแมลงหรือน้ำเข้าไปในหู หรือมีสิวขึ้นที่หูสิ่งต่างๆเหล่านี้มีผลทำให้เกิดการปวดหูได้ทั้งหมดเช่นกัน
  2. เกิดมาจากการเป็นไข้หวัด อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เราปวดหูนั้นเกิดมาจากหวัดได้ ทั้งการที่เราสั่งน้ำมูกแรง หรือแม้แต่การที่เราเป็นโรคไซนัส ติดเชื้อในลำคอ หรือแม้แต่ฟันเป็นหนอง อาการต่างๆเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบถึงหูได้ทั้งหมด เพราะว่าภายในร่างกายของเรามีโพรงที่ทะลุถึงกันได้หมดเลย 

สำหรับการรักษาอาการปวดหูนั้น ต้องรักษาจากสาเหตุที่ทำให้เกิดการปวดหู หากเป็นเพราะป่วยไข้ก็ต้องรักษาอาการป่วยไข้ให้หาย อาการปวดหูก็จะหายไปด้วย แต่ถ้าสาเหตุมาจากการเกิดอุบัติเหตุที่หู ควรให้หมอรักษาอาหารจะดีที่สุด

และเราควรดูแลรักษาสุขภาพให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ อย่านำอะไรมาแหย่เข้าหู ระวังเรื่องน้ำเข้าหู ก็จะเป็นการดูแลหูเบื้องต้นที่ดีที่สุดแล้ว

 

สนับสนุนจาก    เครื่องช่วยฟัง

รู้หรือไม่เด็กเล็กๆก็เป็นโรคหูตึงได้

           หูเป็นอวัยวะที่สำคัญอย่างหนึ่งของร่างกาย ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่หากมีการปล่อยให้หูมีปัญหาไม่รีบหาทางรักษาแล้วละก็ผลกระทบที่จะตามมาอาจถึงขึ้นหูหนวกได้ 

สำหรับผู้ใหญ่การหูหนวกเทียบเท่ากับการเป็นคนพิการคนหนึ่ง

          แต่ยิ่งเกิดกับเด็กเล็กหรือทารกแล้วละก็มีผลมากกว่านั้นเพราะหูสำหรับเด็กเล็กหรือทารก มีส่วนสำคัญอย่างมากในการพัฒนาการด้านการเจริญเติบโต การเรียนรู้สิ่งต่างๆ ด้านสมอง สติปัญญา ที่สำคัญเรามักจะพบว่าหากเด็กไม่ได้ยินตั้งแต่เกิด

          สิ่งที่ตามมานั่นคือเด็กคนนั้นมักจะเป็นใบ้ด้วยเสมอ นั่นก็เพราะว่าเด็กไม่ได้ยินเสียงที่เราพูด จึงทำให้เขาไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเราต้องการสื่อสารกับเขาเรื่องอะไร เขาจึงไม่สามารถตอบสนองกลับเราได้

ช่วงที่สมองของเด็กมีพัฒนาการมากที่สุดนั้นคือช่วงอายุ 3-5 ปี ช่วงนี้เป็นช่วงที่เด็กมีการเรียนรู้ในทุกๆด้าน

          และสมองจะมีการพัฒนาในช่วงวัยนี้อย่างเต็มที่  เมื่อเด็กที่ไม่ได้ยินเสียงตั้งแต่เกิดสมองส่วนการรับรู้ก็จะไม่ได้รับการพัฒนา ถึงแม้ว่าภายหลังเมื่อโตขึ้นเราจะมีการมาแก้ไขก็อาจจะช่วยไม่ได้มากนัก

เพราะบางครั้งเราจะพบว่าเด็กที่ได้ยินเสียงในภายหลัง แต่เด็กก็จะพัฒนาเรื่องของการพูดได้ช้าหรืออาจะไม่ยอมพัฒนาเลย ดังนั้นการสังเกตอาการของเด็กว่ามีความผิดปกติอะไรแล้วบ้างและหากพบตั้งแต่เริ่มแรกจะช่วยให้เราสามารถช่วยเหลือเด็กๆได้ทันท่วงที

เราสามารถสังเกตลูกน้อยในการใช้ในชีวิตประจำวันของเขาได้ว่า เขามีปัญหาเกี่ยวกับหูหรือไม่ ด้วยการสังเกตเวลาเขาดูทีวี ว่าเขาดูรู้เรื่องหรือไม่ เปิดทีวีเสียงดังมากเกินไปหรือเปล่าและเวลาที่เขาคุยกับเรา เขาได้ยินเสียงเรามากน้อยแค่ไหน

เราต้องพยายามพุดเสียงดังๆกับเขาหรือไม่ สังเกตใบหูมีอาการบวมแดง หรือมีน้ำไหลออกมาจากหูหรือหูมีกลิ่นเหม็นหรือไม่ หากพบอาการดังต่อไปนี้ควรรีบพาบุตรหลานของท่านไปพบแพทย์ทันที 

สิ่งที่ทำให้หูของเด็กทารกมีปัญหาคือ 

1.ขณะที่ตั้งครรภ์แม่เป็นโรค อาจได้รับการฉายรังสีซึ่งมีผลกระทบต่อระบบประสาทของหู 

2.หรืออาจคลอดมาแล้วเด็กได้รับเชื้อไวรัสซึ่งเชื้อลามเข้าไปทำลายอวัยวะภายในหู

3.แก้วหูได้รับการกระทบกระเทือนหรือฉีกขาดเพราะเด็กมักจะชอบเอาอะไรแหย่เข้าไปในหู

           ซึ่งนี่เป็นแค่เพียงปัญหาส่วนน้อยที่จะมีผลกระทบกับการได้ยินเสียงของเด็ก อันที่จริงยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่จะทำให้หูของเด็กมีปัญหาดังนั้น เราควรคอยระมัดระวังอันตราที่อาจจะเกิดขึ้นจากความไม่ได้ตั้งใจของเด็ก

           สำหรับพัฒนาการ การได้ยินของเด็ก จะเริ่มตั้งแต่แรกเกิดถึงหนึ่งเดือน หากได้ยินเสียงเด็กจะมีอาการขยับตัวหรือห้องไห้ และเมื่ออายุถึงสี่เดือนก็จะเริ่มหาที่มาของเสียงด้วยการมองตามเสียง 

ต่อมาเมื่ออายุถึงแปดเดือนทารกจะเริ่มเรียนรู้ที่จะรู้ว่าตัวเองชื่ออะไร

อายุครบเก้าเดือนจะเริ่มเข้าใจความหมายของคำพูดมากขึ้น เช่น ไม่เอา อย่า หรือบางคนสามารถเลียนเสียงคำพูดได้แล้ว เช่น พ่อ แม่ และเมื่ออายุครบสิบแปดเดือนจะสามารถเข้าใจคำสั่งและทำตามคำสั่งได้  จนถึงอายุ สองถึงสามขวบจะสามารถพุดเป็นประโยคได้มากขึ้น

และถ้าครบห้าขวบสามารถสื่อสารรู้เรื่องและสามารถเล่าเรื่องราวให้เราฟังได้

หากเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยินเราต้องพาเขาไปพบแพทย์โดยด่วนเพื่อทำการรักษาให้ทันเวลา หากปล่อยปะละเลยเด็กอาจจะมีอาการขั้นรุ่นแรงหรือทำให้เกิดการหูหนวกได้ ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายอย่างหนักเพราะเด็กจะไม่ได้ยิน นอกจากจะใช้ เครื่องช่วยฟัง ซึ่งนั้นก็คงไม่เป็นที่ชื่นชอบกับเด็กสักเท่าไหร่