เหตุการณ์สะเทือนใจของใครหลายๆคนทั้งประเทศเกิดขึ้นมานานเกือบครบ 100 วันแล้วซึ่งขณะนี้ครอบครัวของเด็กหญิงที่เสียชีวิตได้เตรียมของเพื่อจะทำบุญครบร้อยวันให้กับเด็กหญิงซึ่งมีชื่อว่าน้องชมพู่แล้วแต่ถึงแม้จะผ่านเวลามาถึงเกือบร้อยวัน

แต่ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่สามารถที่จะจับกุมตัวคนร้ายมาลงโทษได้หรือยังไม่มีแนวทางที่จะรู้ได้เลยว่าคนร้ายที่ฆ่าน้องชมพู่นั้นเป็นใครซึ่งคดีของน้องชมพู่นั้นเป็นคดีที่มีคนสนใจเป็นจำนวนมาก

และเป็นข่าวคราวมาตั้งแต่ช่วงที่เกิดเหตุจนมาถึงตอนนี้ก็ยังมีนักข่าวติดตามทำข่าวคดีของน้องชมพู่ประชาชนต่างก็ให้ความสนใจกับคดีนี้กันมากเพราะว่าคดีนี้มีผู้ต้องสงสัยทั้งหมู่บ้านซึ่งหมู่บ้านดังกล่าวนั้นคือหมู่บ้านกกกอกโดยนับตั้งแต่มีคดี

หมู่บ้านแห่งนี้ก็ได้รับความสนใจจากคนภายนอกเป็นจำนวนมากมีหลายคนเดินทางเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อหวังช่วยหาเบาะแสของคนร้ายในการฆ่าน้องชมพู่รวมถึงยังไปให้กำลังใจครอบครัวของน้องชมพู่และลุงพลซึ่งคือหนึ่งในผู้ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตัวไปสอบปากคำบ่อยที่สุด

จนเป็นที่ครหาของคนในหมู่บ้านว่าอาจจะเป็นลุงพลที่เป็นคนก่อเหตุฆ่าน้องชมพู่ก็เป็นไปได้แต่อย่างไรก็ตามเมื่อคดีนี้ยังไม่ถึงที่สิ้นสุดยังไม่มีใครที่จะถูกดำเนินคดีเพราะฉะนั้นทุกคนต่างก็เป็นผู้ต้องสงสัยและลุงพลก็คือหนึ่งในที่ผู้ต้องสงสัยที่ชาวบ้านที่ติดตามข่าวนั้น

ไม่เชื่อว่าจะเป็นคนที่ฆ่าน้องชมพู่ได้ซึ่งคดีนี้หลายคนมองว่าคนที่น่าสงสัยมากที่สุดกับเป็นครอบครัวของน้องชมพู่นั่นเองที่อาจจะฆ่าน้องชมพู่เพราะจากการที่เจ้าหน้าที่ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องของการสอบปากคำต่างๆ

มีการให้การที่ไม่ตรงกันหลายอย่างแต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้ลงมือถึงแม้จะมีผู้มีวิชาอาคมและมีพระสงฆ์หลายรูปที่เดินทางไปช่วยในการคลี่คลายคดีในการช่วยเปิดป่าก็ตามหาหลักฐานต่างๆ

แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยังไม่ได้หลักฐานมากพอที่จะสามารถเอาผิดคนร้ายได้ซึ่งตั้งแต่นั้นจนถึงตอนนี้ก็ใกล้ครบ 100 วันแล้วโดยในวันนี้ทางด้านแม่ของน้องชมพู่ก็ได้เตรียมข้าวของในการทำสังฆทานทำบุญและไปซื้อของที่คิดว่าน้องชมพู่จะชอบ

เพื่อทำบุญส่งไปให้กับน้องชมพู่อีกครั้งชาวบ้านจำนวนมากต่างก็พากันออกมาช่วยกันทำขนมทำกับข้าวเพื่อที่จะเอาไว้เลี้ยงพระในวันที่ทำบุญครบร้อยวันซึ่งขณะนี้ได้มีการเตรียมข้าวของเครื่องใช้กันใกล้จะครบแล้วและถ้าหากใครก็ตามที่ต้องการที่จะไปร่วมงานบุญทั้งด้านบ้านของน้องชมพู่

ก็ได้มีการเตรียมแอลกอฮอล์ไว้บริเวณหน้าบ้านเพื่อให้คนที่เดินทางไปร่วมงานบุญนั้นได้ใช้อีกทั้งยังมีประกาศขอให้ทุกคนที่ไปร่วมงานเตรียมหน้ากากอนามัยไปกันด้วย

สนับสนุนเรื่องราวโดย  วิธีซื้อหวยออนไลน์

             ไม่ใช่แค่ครั้งแรกที่เรามักจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับเด็กเสียชีวิตภายในรถซึ่งเป็นการประมาทของทางคุณครูและทางคนขับรถที่ขับรถรับส่งนักเรียนหรือแม้แต่ถ้าเป็นต่างประเทศก็จะมีเด็กติดอยู่ในรถเพราะผู้ปกครองประมาทเองซึ่งอันที่จริงแล้ว

เราสามารถที่จะทำการลดปัญหาการเสียชีวิตของเด็กภายในรถยนต์ได้ด้วยการที่เรานั้นใส่ใจเด็กมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะรถโรงเรียนที่ใช้สำหรับรับส่งเด็กนักเรียนนั้นคุณครูที่คอยดูแลรับส่งนักเรียนภายในรถรวมถึงคนขับรถควรจะต้องมีการตรวจสอบก่อนว่ามีเด็กขึ้นกี่คน

และเมื่อไปถึงโรงเรียนแล้วมีเด็กลงจากรถกี่คนและควรจะมีการเดินสำรวจภายในรถให้เรียบร้อยว่ามีเด็กหลับอยู่ภายในรถหรือไม่ก่อนที่จะนำรถไปจอดทิ้งเอาไว้เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกรณีที่เด็กหลับแล้วไม่ได้ลงจากรถดังนั้นแท้ที่จริงแล้ว

ปัญหานี้เกิดขึ้นจากความประมาทของคนขับรถและคุณครูที่ควบคุมรถนั่นเองซึ่งส่วนใหญ่แล้วเด็กมักจะเสียชีวิตภายในรถเนื่องจากว่าอุณหภูมิภายในรถนั้นร้อนจัดและไม่มีอากาศที่จะหายใจนั่นเองอย่างไรก็ตามสถิติการที่เด็กเสียชีวิต

ภายในรถนั้นไม่ว่าจะเป็นประเทศไทยหรือต่างประเทศมีเป็นจำนวนมากอีกทั้งเด็กที่ติดอยู่ในรถและเสียชีวิตส่วนใหญ่นั้นมักจะมีอายุอยู่ที่ประมาณ 2 ขวบจนถึง 6 ขวบเป็นต้นไปดังนั้นเราสามารถที่จะหาวิธีการจัดการในการที่จะช่วยแก้ไขปัญหาการลืมเด็กไว้ในรถได้

ซึ่งส่วนหนึ่งนั้นจำเป็นที่จะต้องพึ่งคนขับรถและคุณครูที่คอยควบคุมรับส่งเด็กนักเรียนอีกส่วนหนึ่งนั้นผู้ปกครองสามารถที่จะทำได้ด้วยการสอนบุตรหลานของตนเองถึงแม้ว่าจะอายุน้อยแต่ถ้าหากเราคอยสอนอยู่บ่อยๆเด็กน่าจะจำได้โดยสามารถสอนให้เด็กนั้นกดแตรรถยนต์เมื่อรู้สึกว่าตนเองนั้นอยู่ในรถคนเดียวพยายามให้เด็กกดแตรรถด้วย

ความเคยชินและควรพร่ำบอกเด็กว่าหากเกิดความรู้สึกว่าอยู่ในรถนานเกินไปต้องการขอความช่วยเหลือให้รีบมากดแตรรถเพราะจะทำให้แต่รถเสียงดังและคนในบริเวณพื้นที่จะได้ยินและสามารถจะช่วยเหลือได้ทันท่วงทีเพราะถ้าหากว่าเด็กติดอยู่ในรถเป็นระยะเวลานานๆเกิน 30 นาทีขึ้นไปจะทำให้ร่างกายของเด็กนั้นได้รับอันตราย

โดยเฉพาะอวัยวะภายในและแน่นอนว่าส่งผลให้เด็กนั้นเสียชีวิตใต้เพราะเพียงแค่เราต่อตากแดดแค่ 5 นาทีเท่านั้นถึงแม้ว่าเราจะเป็นผู้ใหญ่เองเราก็รู้สึกถึงความร้อนจนไม่สามารถอยู่ภายในรถได้ดังนั้นยิ่งเด็กแล้วร่างกายของเด็กจะไม่ได้ทนทานเท่ากับผู้ใหญ่

จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากที่เราควรจะเรามีการสอนบุตรหลานของเราเผื่อเอาไว้ว่าให้กดแตรขอความช่วยเหลือหากว่าเปิดติดอยู่ในรถและที่สำคัญผู้ปกครองหรือแม้แต่คนขับรถและคุณครูที่รับส่งนักเรียนก็ไม่ควรประมาทควรจะมีการเช็คทุกครั้งก่อนที่จะเอารถไปเก็บนั่นเอง

สนับสนุนโดย    รวมเว็บหวยออนไลน์